หากจะถามถึงประกันรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็คงหนีไม่พ้น ประกันรถยนต์2+ กับ ประกันรถยนต์ชั้น 1 แน่นอน เนื่องจากว่าประกันสองชนิดนี้ให้ความคุ้มครองที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่หลายคนมักจะนำมาเปรียบเทียบกันอยู่บ่อย ๆ ก่อนที่จะเลือกซื้อประกัน สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกทำประกันแบบไหนดี ในบทความนี้เราก็ได้นำเอารายละเอียดความต่างของทั้งสองประกันภัยมาเปรียบเทียบให้ได้ดูกันง่าย ๆ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย
ความแตกต่างของประกันรถยนต์ 2+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 1
มากันที่ส่วนแรกจะเป็นรายละเอียดของ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กันก่อน โดยประกันภัยประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองมากที่สุดในบรรดาประกันภัยรถยนต์ทั้งหมด แน่นอนว่าจะต้องให้ความคุ้มครองมากกว่าประกันรถยนต์2+ เนื่องจากว่าประกันชั้น 1 สามารถที่จะขอเคลมได้ทุกกรณี แม้ว่าในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นผู้เอาประกันจะเป็นฝ่ายผิด หรือเกิดเหตุที่ไม่มีคู่กรณีก็ตาม อีกทั้งยังครอบคลุมถึงการคุ้มครองเรื่องอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่รถได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ สูญหาย หรือน้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่าประกันตัวผู้ขับขี่ ซึ่งราคาของประกันชั้น 1 ก็จะอยู่ที่ 10,000 บาทขึ้นไป
สำหรับประกันภัยรถยนต์2+จะให้ความคุ้มครองที่ลดลงมาจากประกันชั้น 1 นิดหน่อย โดยจะคุ้มครองในกรณีที่รถเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุที่รถชนรถ แต่หากว่ารถชนกับสิ่งของอย่างอื่นจะไม่ได้รับการคุ้มครองด้วย นอกจากนั้นการคุ้มครองในส่วนอื่น ๆ ก็ยังได้รับอยู่ด้วยเหมือนเดิม ในส่วนของราคาค่าประกันภัยก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 7,000 บาทขึ้นไป
ประกันภัยรถยนต์ 2+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับใคร เลือกอย่างไรดี
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสมกับใคร
– เหมาะกับผู้ที่มีงบเพียงพอในการจ่ายค่าประกันภัย เนื่องจากว่าราคาประกันค่อนข้างแพง
– เหมาะสมกับผู้ที่เป็นมือใหม่หัดขับ และเพิ่งซื้อรถ
– เหมาะกับผู้ที่มีรถอายุไม่เกิน 5 ปี แล้วต้องการความคลุมครองที่ครบ
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะสมกับใคร
– เหมาะกับผู้ที่มีงบเพียงพอในการจ่ายค่าประกันภัย แต่อยากได้ความคุ้มครองที่ไม่ต่างจากประกันชั้น 1 มากนัก
– เหมาะสมกับผู้ที่ค่อนข้างมีความชำนาญในการขับรถ
– เหมาะกับผู้ที่มีรถอายุไม่เกิน 7 ปี
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดความแตกต่างของ ประกันรถยนต์2+ กับ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คงจะทำให้ได้ทราบกันแล้วว่าประกันทั้งสองชนิดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วเหมาะสมกับใครบ้าง ซึ่งใครที่มีข้อสงสัยเรื่องนี้อยู่ ก็อาจจะสามารถคลายข้อสงสัยเหล่านี้ได้หมดแล้ว และคงจะเลือกได้แล้วว่าต้องการทำประกันชนิดไหนดี ถึงจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด